18 ธันวาคม 2557

BUS 7017 : สรุป Final การจัดการเชิงกลยุทธ์


การจัดการเชิงกลยุทธ์ : การสร้างและการดำเนินกลยุทธ์ แปลและเรียบเรียง ดร.ทรรศนะ บุญขวัญ
CRAFTING & EXECUTING STRATEGY : Concepts and Readings 18/e

BUS 7017 การจัดการเชิงกลยุทธ์ : สรุป Final

** FINAL TEST **  Aj. ดร.ทรรศนะ บุญขวัญ

วัตถุประสงค์ของวิชาการจัดการเชิงกลยุทธ์ คือ "Above Average Returns" การเติบโตแบบยั่งยืน

สรุป Final กระดาษ A 1 แผ่น
   
Download สรุป Final BUS7017.pdf

การจัดการเชิงกลยุทธ์ แบ่งออกเป็น 2 เรื่องคือ
1) แนวคิดเชิงกลยุทธ์  ได้จาก เกมส์, กรณีศึกษา, ซุนวู, สามก๊ก, โจโฉแตกทัพเรือ,ประสบการณ์
    - รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง -ซุนวู
    - เลี่ยงจุดแข็ง โจมตีจุดอ่อน  -ซุนวู
    - การเข้าใจศัตรูคือสิ่งสำคัญสู่ชัยชนะ  -ซุนวู
    - แต่ได้ชัยโดยไม่รบนั้น เป็นสุดยอดแม่ทัพ เพราะไม่สูญเสียไพร่พลทั้งสองฝ่าย -ซุนวู  -ซุนวู

2) กระบวนการจัดการเชิงกลยุทธ์
กลยุทธ์หมายถึง แผนการการตัดสินใจที่จะทำให้ไปสู้เป้าหมายและประสบความสำเร็จได้ในระยะยาว (Long term) หรือได้เปรียบคู่แข่งในระยะยาวอย่างยั่งยืน (Above Average Returns) ... ในข้อสอบอย่างยั่งยืนทำอย่างไร?

กระบวนการจัดการเชิงกลยุทธ์แบ่งออกเป็น 4 ขั้นตอนคือ


ขั้นตอน 1: การวิเคราะห์ (Strategic Analysis) คือการวิเคราะห์สถานการณ์/สภาพแวดล้อม "รู้เขารู้เรา"
1) สภาพแวดล้อมภายใน => ตัวเรา ควบคุมได้ S:จุดแข็ง(+W:จุดอ่อน(-)
Value Chain

แนวคิดนี้แบ่งกิจกรรมภายในองค์กร เป็น 2 กิจกรรม คือ กิจกรรมหลัก (Primary Activities) และกิจกรรมสนับสนุน (Support Activities)โดยกิจกรรมทุกประเภทมีส่วนในการช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับสินค้าหรือบริการของบริษัท

กิจกรรมหลัก 5 กิจกรรม เป็นกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการผลิตหรือสร้างสรรค์สินค้าหรือบริการ การตลาดและการขนส่งสินค้าหรือบริการไปยังผู้บริโภค ประกอบด้วย
Inbound Logistics กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการได้รับ การขนส่ง การจัดเก็บและการแจกจ่ายวัตถุดิบ
Operations กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนหรือแปรรูปวัตถุดิบให้ออกมาเป็นสินค้า เป็นขั้นตอนการผลิต
Outbound Logistics กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บ รวบรวม จัดจำหน่ายสินค้าและบริการไปยังลูกค้า
Marketing and Sales กิจกรรมที่เกี่ยวกับการชักจูงให้ลูกค้าซื้อสินค้าและบริการ
Customer Services กิจกรรมที่ครอบคลุมการให้บริการเพื่อเพิ่มคุณค่าให้กับสินค้าและบริการหลังการขาย

กิจกรรมสนับสนุน เป็นกิจกรรมที่ช่วยส่งเสริมและสนับสนุนให้กิจกรรมหลักสามารถดำเนินไปได้ประกอบด้วย
Procurement กิจกรรมในการจัดซื้อ-จัดหา input เพื่อมาใช้ในกิจกรรมหลัก
Technology Development กิจกรรมเกี่ยวกับการพัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยในการเพิ่มคุณค่าให้สินค้าและบริการหรือกระบวนการผลิต
Human Resource Management กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการบริหารทรัพยากรบุคคล ตั้งแต่วิเคราะห์ความต้องการ สรรหา และคัดเลือก ประเมินผล พัฒนา ฝึกอบรม ระบบเงินเดือนค่าจ้าง และแรงงาน
Firm Infrastructure โครงสร้างพื้นฐานขององค์กร ได้แก่ ระบบบัญชี ระบบการเงิน การบริหารจัดการขององค์กร
Value Chain มุ่งเน้นลดต้นทุนและเพิ่มคุณภาพของกิจกรรมในกรอบของกลยุทธ์การแข่งขัน (Competitive Strategy) ทั้งทางด้านกลยุทธ์ด้านต้นทุนต่ำ (Cost Leadership) และ กลยุทธ์สร้างความแตกต่าง (Differentiation) การปรับเปลี่ยน Value Chain เกิดจากการเปลี่ยนกิจกรรมหนึ่งๆเพื่อให้มีผลเชื่องโยงกลยุทธ์ของบริษัท สามารถทำได้ 2 วิธี Optimization และ Coordination
- Optimization คือการเปลี่ยนกิจกรรมหนึ่งๆเพื่อแลกผลดีของกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง- Coordination คือ ความสอดประสาน หรือร่วมมือระหว่างกิจกรรมต่างๆทำให้ผลงานกิจกรรมหนึ่งๆดีขึ้น

7's McKenncy : ปัจจัย 7 ประการในการประเมินองค์กร
Staff – บุคลากร
Skill – มีทักษะ ความเชี่ยวชาญ
Style – รูปแบบบริการ
Shared  Value – มีค่านิยมร่วมกัน
Structure – โครงสร้างองค์กร
System – กระบวนการและลำดับขั้นการปฏิบัติงาน
Strategy – การวางแผนเพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม 

2) สภาพแวดล้อมภายนอก => ตัวเขา ควบคุมไม่ได้ O:โอกาส(+)  T:อุปสรรค(-) เครื่องมือ PEST, 5-Force

ถ้า case study ให้จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส อุปสรรค มา นำมาใส่ใน SWOT ได้เลย แต่ถ้าไม่ให้มาต้องวิเคราะห์เพิ่ม กลยุทธ์ทางเลือกจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับ SWOT ที่วิเคราะห์ได้ยิ่งมีปัจจัย(factor) ที่วิเคราะห์ออกมาได้มาก ก็จะจัดสร้างกลยุทธ์ใน TOWS matrix ได้มากด้วยเช่นเดียวกัน

การวิเคราะห์ SWOT (STOW Analysis)

สร้าง SWOT matrix ขึ้นมา ดังรูป

หรือเขียนแบบนี้ก็ได้เช่นกัน
S: จุดแข็ง
-
-

W: จุดอ่อน
-
-

O: โอกาส
-
-

T: อุปสรรค
-
-

ขั้นตอน 2: สร้าง/กำหนดกลยุทธ์ (Strategic Formulation)


ตัวอย่าง การวิเคราะห์ปัจจัยภายใน/ภายนอก

วิเคราะห์ปัจจัยภายใน ( McKinsey 7s Framework )

S1. Staff - บุคลากรมีความสามารถ มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
จุดแข็ง
1. มีการพัฒนาด้วยตัวเองอย่างต่อเนื่อง
จุดอ่อน
1. เจ้าหน้าที่น้อย  /  รับผิดชอบงานหลายด้าน / เปลี่ยนงานบ่อย
2. บุคลากรไม่ได้รับการพัฒนาให้มีความรู้เฉพาะทาง หรือถ้ามีก็น้อยมาก
3. ขาดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
4. ผู้รับผิดชอบไม่ทราบขอบเขตการทำงานในกลุ่มวัยรุ่นของหน่วยงานอื่น ทำให้ขาดความเชื่อมโยงข้อมูลและการประสานงานเพื่อแก้ไขปัญหา

S2. Skill - มีทักษะ ความเชี่ยวชาญในการดำเนินงาน เป็นมืออาชีพ
จุดแข็ง
 -- ไม่มี --
จุดอ่อน
1. ไม่มีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางสาขา
2. ไม่มีหลักสูตรเฉพาะทาง(วัยรุ่น)
3. การทำงานแยกส่วน ไม่มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างเพื่อนร่วมงาน
4. มีความชำนาญ แต่ตีโจทย์ไม่แตก (เป็นสถาปนิก)
5. ผู้รับผิดชอบไม่เคยผ่านการอบรมหลักสูตร  “การพัฒนาทักษะชีวิต”


ตัวอย่าง กลยุทธ์การแข่งขัน (Competitive Strategy) 
1. กลยุทธ์ในการเป็นผู้นำด้านต้นทุน(Cost Leadership Strategy)
- การกำหนดราคาสินค้าแบบ Online
- การประมูลราคา Online (Online Seller Bidding)
- การประมูลสินค้า Online( Online Action)

2. กลยุทธ์ในการสร้างความแตกต่าง(Differentiation Strategy)
- E-Commerce
- การหาลูกค้าแบบ Online
- การติดตามการขนส่งแบบ Online

3. กลยุทธ์ด้านนวัตกรรม(Innovation Strategy)
- การจัดการและติดตามการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศแบบ Online
- การบริหารลูกค้าแบบ Online

4. กลยุทธ์การเจริญเติบโต(Growth Strategy)
- การเชื่อมโยงระบบเครือข่ายอินทราเน็ตภายในองค์กรเข้ากับเครือข่ายขององค์กรอื่น
- การติดตามสั่งซื้อสินค้าผ่านทางเครือข่าย

5. กลยุทธ์พันธมิตร(Alliance Strategy)
- การส่งสินค้าให้กับลูกค้าโดยอัตโนมัติ
- การติดตามการขนส่งสินค้าและการจัดการคลังสินค้าแบบonlineระหว่างผู้ค้าร่วม

ผู้สนับสนุนหลัก
ก่อนที่จะเป็นตัวแทนขายประกัน เคยเป็นลูกจัาง เคยเป็นนายจ้าง เคยเป็น Freelance เคยเป็นโปรแกรมเมอร์ เคยเป็น Consultแม้จ...
โพสต์โดย Surat Sod-Ngam บน 26 มีนาคม 2016

16 ธันวาคม 2557

BUS 7017 : การจัดการเชิงกลยุทธ์ - ตำราพิชัยสงครามของซุนวู


การจัดการเชิงกลยุทธ์ : การสร้างและการดำเนินกลยุทธ์ แปลและเรียบเรียง ดร.ทรรศนะ บุญขวัญ
CRAFTING & EXECUTING STRATEGY : Concepts and Readings 18/e

BUS 7017 การจัดการเชิงกลยุทธ์ : ตำราพิชัยสงครามของซุนวู

ตำราพิชัยสงครามของซุนวู (จีนตัวย่อ孙子兵法จีนตัวเต็ม孫子兵法พินอินSūn Zǐ Bīng Fǎ; ซุนจื่อปิงฝ่า, อังกฤษThe Art of War; ความหมายตามอักษรว่า "ยุทธศิลป์") เป็นตำรายุทธศาสตร์การทหารหรือตำราพิชัยสงครามของจีน ซึ่งถูกเขียนขึ้นเมื่อราวหกร้อยปีก่อนคริสตกาลโดยซุนวู นักยุทธศาสตร์คนสำคัญในยุคจ้านกว๋อของจีน เนื้อหาในตำราพิชัยสงครามฉบับนี้มี 13 บท แต่ละบทเน้นถึงแต่ละแง่มุมของการสงคราม
ตำราพิชัยสงครามของซุนวูเป็นหนึ่งในตำรายุทธศาสตร์การทหารเล่มหนึ่งที่เก่าแก่ที่สุดในโลก โดยนับได้ว่าเป็นตำราเล่มแรกและเล่มหนึ่งที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในเชิงยุทธศาสตร์ และมีอิทธิพลอย่างมหาศาลต่อแนวคิดทางการทหาร กลยุทธทางธุรกิจ และแนวคิดเรื่องอื่นๆ ทั้งในโลกตะวันออกและโลกตะวันตก ซุนวูถือเป็นบุคคลแรกที่ตระหนักในความสำคัญของตำแหน่งทางยุทธศาสตร์ ซึ่งจะได้รับผลกระทบทั้งจากเงื่อนไขเชิงรุกในด้านสภาพแวดล้อมทางกายภาพ และความคิดเชิงรับของฝ่ายคู่แข่งในสภาพแวดล้อมดังกล่าว เขาได้สอนว่า ยุทธศาสตร์ไม่ใช่เพียงการวางแผนกำหนดสิ่งที่จะลงมือทำเท่านั้น แต่ยังต้องการการตอบสนองอย่างรวดเร็วและเหมาะสมในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขในสถานการณ์ต่างๆ ด้วย
ตำราพิชัยสงครามเล่มนี้ได้แปลเป็นภาษาตะวันตกครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1782 (พ.ศ. 2325) ซึ่งเป็นการแปลเป็นภาษาฝรั่งเศสโดยบาทหลวงฌอง โชแซฟท์ มารี อามีโอต์ (Jean Joseph Marie Amiot) นักบวชในศาสนาคริสต์นิกายเยซูอิต ในปัจจุบันนี้ นอกจากการประยุกต์ใช้ในด้านการทหารแล้ว หลักการในตำราพิชัยสงครามของซุนวูยังได้มีการนำมาปรับใช้ในกลยุทธ์เชิงธุรกิจและด้านการจัดการอีกด้วย
ตำราพิชัยสงครามแบ่งเนื้อหาออกเป็น 13 บรรพ ดังนี้ (ชื่อที่ใช้อาจแตกต่างกันไปตามแต่ละสำนวนแปล)
  1. การประเมิน (จีนตัวย่อ始计จีนตัวเต็ม始計)
  2. การวางแผน (จีนตัวย่อ作战จีนตัวเต็ม作戰)
  3. ยุทธศาสตร์การรบรุก (จีนตัวย่อ谋攻จีนตัวเต็ม謀攻)
  4. ท่าที (จีนตัวย่อ军行จีนตัวเต็ม軍行)
  5. กำลังพล (จีนตัวย่อ兵势จีนตัวเต็ม兵勢)
  6. ความอ่อนแอ-เข้มแข็ง (จีนตัวย่อ虚实จีนตัวเต็ม虛實)
  7. การดำเนินกลยุทธ์ (จีนตัวย่อ军争จีนตัวเต็ม軍爭)
  8. สิ่งผันแปร 9 ประการ (จีนตัวย่อ九变จีนตัวเต็ม九變)
  9. การเดินทัพ (จีนตัวย่อ行军จีนตัวเต็ม行軍)
  10. ภูมิประเทศ (จีนตัวเต็ม/จีนตัวย่อ: 地形)
  11. พื้นที่ต่างกัน 9 อย่าง (จีนตัวเต็ม/จีนตัวย่อ: 九地)
  12. การโจมตีด้วยไฟ (จีนตัวเต็ม/จีนตัวย่อ: 火攻)
  13. การใช้สายลับ (จีนตัวย่อ用间จีนตัวเต็ม用間)
Ref: http://th.wikipedia.org/wiki/ตำราพิชัยสงครามของซุนวู

" รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง "
ซุนวูเขียนไว้ในราวสองพันสี่ร้อยปีก่อน เนื้อหายุทธศาสตร์การทำสงครามทั้ง 13 บท ประกอบด้วย

บทที่ 1 เรื่องการประมาณสถานการณ์ บทที่ 5 เรื่องการจัดกำลังพล บทที่ 6 เรื่องความอ่อนแอและความเข้มแข็ง และบทที่ 10 เรื่องการตรวจสอบภูมิประเทศ เป็นการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอก (เศรษฐกิจ สังคม การเมือง กฏหมาย เทคโนโลยี่ ภัยธรรมชาติ ฯลฯ) และสภาพแลดล้อมภายในองค์กร ( บริหาร ปฏิบัติการ ผลิต ตลาด การเงิน บุคลากร การประชาสัมพันธ์ ฯลฯ) พูดง่ายๆ ก็คือการวิเคราะห์ SWOT Analysis ตามศาสตร์ว่าด้วยการจัดการกลยุทธ์นั่นเองครับ (วิเคราะห์ Five Forces ของ Michael Porter )

บทที่ 2 เรื่องการทำศึก และบทที่ 4 เรื่องการกำหนดท่าที เป็นการกำหนด วิสัยทัศน์ ภารกิจ เป้าหมาย และวัตถุประสงค์ขององค์กร ว่าเราจะกำหนดให้เดินไปทิศทางไหน จะมุ่งหน้าไปยึดเนินไหน จะไปสู่เป้าหมายได้อย่างไร

บทที่ 3 เรื่องการกำหนดยุทธศาสตร์การรบรุก และบทที่ 7 เรื่องการดำเนินกลยุทธ์ เป็นการกำหนดกลยุทธ์ระดับองค์กร ว่าจะเอาอย่างไร ต้องการให้ทำอย่างไร จะเติบโต จะขยาย จะรักษาไว้ จะคงที่ จะถอยหลัง หรือปิดกิจการ และต้องบอกลงไป ว่าแต่ละกลยุทธ์มีลักษณะเฉพาะอย่างไร เช่น เติบโตแนวดิ่ง (Vertical Integrated Growth) หรือเติบโตแนวนอน(Horizontal Integrated Growth) เป็นต้น

บทที่ 8 เรื่องสิ่งผันแปร 9 ประการ บทที่ 11 เรื่องพื้นที่ต่างกัน 9 แบบ บทที่ 12 เรื่องการโจมตีด้วยไฟ และบทที่ 13 เรื่องการใช้สายลับ เป็นการกำหนดกลยุทธ์ลงไประดับหน่วยธุรกิจ และเป็นการแตกประเด็นต่าง เพื่อนำกลยุทธ์ไปปฏิบัติจริง (Implementation) รวมถึงการประเมินผลงาน (Evaluation) ครับ

ท่านซุนวูบอกไว้ แทบจะไม่แตกต่างจากศาสตร์แห่งการจัดการองค์กร ที่นักคิดระดับปรมาจารย์ หรือที่เรียกว่า มหากูรู นำมาเป็น ตำราการสอนวิชาการจัดการที่ทันสมัยในยุคปัจจุบัน
Ref: http://www.oknation.net/blog/print.php?id=314834


ตำราพิชัยสงครามซุนวู  ฉบับดัมมี่
         ซุนวู หรือ ซุนจื่อ มีชื่อว่า อู่  (Wu)  เกิดในสมัยขงจื้อ (ก่อน ค.ศ.  511 - 497)  ซุนวูเป็นชาวเล่ออาน (อำเภอฮุ่ยหมิน มลฑลซานตง ในปัจจุบัน)  ในแคว้นฉี  ปลายยุคชุนชิว (ก่อน ค.ศ. 770-476)  ยุคชุนชิว  เป็นยุคที่สังคมจีนเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่  จากระบบศักดินาเข้าแทนที่ระบอบทาส  จึงมีการรบราฆ่าฟันกันอย่างใหญ่ระหว่างพวกทาสกับเจ้าที่ดินใหม่  ราษฎรต้องเดือดร้อน  เกิดความทุกข์เข็ญไปทั่วแคว้น

         ซุนวู  เกิดในตระกูลเถียน ซึ่งเป็นตระกูลของชนชั้นเจ้าที่ดินในแคว้นฉี  และเป็นตระกูลสูงศักดิ์ที่มีความรู้และประสบการณ์ทางทหารที่ลึกซึ้ง  กว้างไกล เถียนอ๋วน บรรพบุรุษของซุนวูเคยเป็นเจ้าครองแคว้นเฉิน  ซึ่งต่อมาลี้ภัยมาที่แคว้นฉี  ฉีหวนกง ผู้ครองแคว้นฉีสมัยนั้นจึงแต่งตั้งให้เป็นขุนนาง  และต่อมาหลายชั่วอายุคน ตระกูลเกียนก็กลายเป็นตระกูลที่มีอิทธิพลใน   แคว้นฉี  เถียนซู คนรุ่นที่ 5 ซึ่งเป็นปู่ของซุนวู รบชนะสงครามระหว่างแคว้นฉีกับแคว้นจี่  ได้รับความดีความชอบ  ฉีจิ่งกง ผู้ครองแคว้นจึงมอบเขตเล่ออัน ให้เถียนซูไปครองเมือง ตั้งให้ใช้แซ่ว่า ซุน ตระกูลเถียนก็เปลี่ยนแซ่เป็นซุนตั้งแต่นั้น

          ต่อมาแคว้นฉีเกิดจลาจล  ซุนวูหลบหนีออกจากแคว้นฉีไปอยู่แคว้นอู๋  บริเวณชานเมืองกูซู (เมืองซูโจว  มณฑลเจียงซูในปัจจุบัน)  เมื่อไปอยู่ที่นั่น  ซุนวูใช้ชีวิตแบบเร้นกาย  ศึกษาตำราพิชัยสงคราม  ขณะเดียวกันซุนวูได้คบหากับขุนพลมีชื่อของแคว้นอู๋  ชื่อ อู๋จื่อซี่ ทั้งคู่แลกเปลี่ยนเรียนรู้ยุทธศาสตร์ทางทหารอย่างลึกซึ้งจนสนิทสนมกัน

          ในปี  516  ก่อนคริสตกาล  อู๋อ๋องเหอหลี  ขึ้นครองราชย์เป็นเจ้าแคว้นอู๋  ตัดสินใจทำสงครามกับแคว้นฉู่  แต่ยังวิตกกังวลเพราะหาแม่ทัพออกศึกไม่ได้  อู๋จื่อซี่จึงเสนอตัวซุนวูแก่เหอหลี  ถึง 7 ครั้ง  ว่าเป็นผู้สมควรแก่ตำแหน่ง  เหอหลีจึงได้เรียกตัวซุนวูมาพบในที่สุด

          ซุนวูเข้าพบอู๋อ๋องเหอหลี พร้อมด้วยตำราพิชัยสงคราม 13 บท ที่เขาเขียนขึ้น  เนื้อหาในตำราเปี่ยมด้วยข้อคิดแปลกใหม่ไม่ธรรมดาและซุนวูยังตอบปัญหาของเหอหลีได้อย่างคล่องแคล่ว เหอหลีพอใจอย่างยิ่งจึงแต่งตั้งให้ซุนวูเป็นแม่ทัพตั้งแต่บัดนั้น

          เมื่อซุนวูได้เป็นแม่ทัพแล้ว  ก็ได้สร้างความดีความชอบในสงครามเป็นอย่างมาก  ซื่อหม่าเชียน  นักประวัติศาสตร์ได้บันทึกไว้ในช่วง  200  ปี ก่อนคริสตกาลว่า  ซุนวูทางตะวันตกสยบฉู่  ทางเหนือคุกคามแคว้นฉีกับแคว้นจิ้น  มีชื่อเสียงเลื่องลือไปในหมู่เจ้าครองแคว้น  ซุนวูผ่านชีวิตสงครามมาตลอด 30 ปี  จนถึงปี  482  ก่อนคริสตกาล  ก็มาถึงวาระสุดท้ายของซุนวู  อู๋อ๋องฟูซา  โอรสของเหอหลีขึ้นครองราชย์แทน 

          ฟูซาเป็นคนเย่อหยิ่ง  จองหอง  มักมากในกามคุณ  และใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย เพื่อแสวงหาความสำราญ ซุนวูจึงมิอาจทนพฤติกรรมของฟูซาได้  เขาหลบหนีไปปลีกวิเวกสันโดษในป่าลึก  และก็ไม่ได้ออกมาปรากฏแก่สายตาของผู้ใดอีกเลย  ปัจจุบันศพของซุนวูถูกฝังไว้อยู่ที่อำเภออู๋  มณฑลเจียงซู

           ตำราพิชัยสงครามซุนวูนี้ถือเป็นคัมภีร์อภิมหาอมตะ นิรันดร์กาล  เป็นตำรายุทธศาสตร์ทางทหารที่มีอิทธิพลมากที่สุดในประเทศจีน   นับแต่โบราณกาลยุคสมัยสามก๊กจนถึงปัจจุบัน  ยอดนักการทหารของจีน  เช่น  โจโฉ  ขงเบ้ง  งักฮุย  เหมาเจ๋อตุง  ล้วนยึดถือตำราพิชัยสงครามซุนวูเป็นหลักในการบัญชาการรบทั้งสิ้น  แม้แต่ต่างประเทศ  ญี่ปุ่นเป็นประเทศแรกที่นำตำรานี้ไปเปิดสอนประเทศทางตะวันตกก็มีพระเจ้านโปเลียน โบนาปาร์ต  ผู้กระหายสงคราม  สมัยศตวรรษที่ 19  ก็เคยอ่านตำราพิชัยสงครามซุนวูมาก่อน     พระเจ้าไกเซอร์  แห่งเยอรมัน  หลังแพ้สงครามโลกครั้งที่ 1  ถึงกับอุทานว่า  หากเราได้อ่านตำราพิชัยสงครามซุนวู  ก่อนหน้านี้  เราก็มิต้องถึงกับสูญชาติ

         ปัจจุบัน  ยุทธศาสตร์และปรัชญาในตำราพิชัยสงครามซุนวู 13 บท  ได้ถูกประยุกต์ใช้อย่างกว้างขวางในวงการเมือง  การบริหาร  ธุรกิจ  ชีวิต  การงาน  จนประสบผลสำเร็จมาแล้วมากมาย

          จากความยิ่งใหญ่ของวรรณกรรมชิ้นเอกนี้  ผมจึงไม่พลาดที่จะประยุกต์ยุทธศาสตร์ซุนวูให้เข้ากับดัมมี่ คัดเฉพาะหลักปรัชญาและแผนกลยุทธ์สำคัญๆ ที่สามารถนำมาใช้ให้เกิดผล คุณไม่จำเป็นต้องเห็นตามนี้ เพราะอยู่ที่การตีความหมายของแต่ละคน ขอให้ใช้วิจารณญาณไตร่ตรองดูและนำไปทดลองใช้ ผลเป็นอย่างไรก็จำไว้และปรับให้เข้ากับสถานการณ์การเล่นต่อไป 
บุญชัย  ศฤงคารศิริ ประธานสมาคมดัมมี่

ตำราพิชัยสงคราม ซุนวู (The Art of War)
บทนำ
         ตำราพิชัยสงครามซุนวู  เป็นยุทธศาสตร์หรือทักษะทางการรบ  เป็นเรื่องของการวางแผนยุทธศาสตร์ทำสงคราม  ถ้าการเล่นดัมมี่คือสงคราม  คุณคือนักรบ  จะชนะศึกได้ต้องอาศัยตำราพิชัยสงครามซุนวูนี้  มาประยุกต์ใช้จึงจะสำเร็จ  ยุทธศาสตร์ของซุนวูเรียบง่าย  แต่แฝงด้วยปรัชญาล้ำลึก  ถ้อยคำที่ซุนวูกล่าวมีใจความสั้น ๆ  อ่านแล้วเข้าใจง่าย  นำไปใช้ได้ทันที  ถ้าคุณคิดจะเป็นนักรบ  อย่ากลัวบาดเจ็บเพราะมันคือประสบการณ์ที่หาไม่ได้อีกแล้ว  ต้องศึกษา

ตำราพิชัยสงครามซุนวู  13  บท
บทที่  1    การประเมินสถานการณ์
บทที่  2    การทำสงคราม
บทที่  3    ยุทธศาสตร์การรบ
บทที่  4    รูปแบบการรบ
บทที่  5    พลานุภาพ
บทที่  6    ตื้น  ลึก  หนา  บาง
บทที่  7    การสัประยุทธ์
บทที่  8    เก้าลักษณะ
บทที่  9    การเดินทัพ
บทที่  10  ภูมิประเทศ
บทที่  11  เก้ายุทธภูมิ
บทที่  12  โจมตีด้วยเพลิง
บทที่  13  การใช้สายลับ
  
ซุนวูกล่าวว่า
1. การทำสงคราม จงเตรียมรบให้พร้อมสรรพ
  - แม่ทัพ    - ทหาร    
  - อาวุธ     - เสบียง  
  - จิตใจ     - สติปัญญา
2. การทำสงครามเอาชนะกันด้วยสติปัญญาสำคัญกว่าการใช้กำลัง
3. สงครามทุกรูปแบบตั้งอยู่บนพื้นฐานของกลอุบาย
4. นโยบายที่ดีที่สุดของการชนะสงครามคือ เอาชนะข้าศึกได้โดยมิต้องสู้รบ
5. แม่ทัพ จะทำสงครามอย่ากลัวตายหรือบาดเจ็บ
6. แม่ทัพผู้ทำสงครามหวังชนะ  ควรปฏิบัติตามหลัก 3 ประการ
    1. ทำสงครามให้สิ้นสุดด้วยระยะเวลาสั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้
    2. ทำสงครามให้สูญเสียน้อยที่สุด
    3. ทำสงครามให้ข้าศึกเสียหายมากที่สุด
7. แม่ทัพที่ดีต้องรู้จักระมัดระวัง  รอคอย  แต่ไม่ลังเล  เห็นโอกาสเปิด  ให้ลงมือกระทำ รู้จักปรับตามสภาพแวดล้อม

บทที่ 1
การประเมินสถานการณ์

         การประเมินสถานการณ์ บทที่ 1 นี้ถือว่าเป็นแม่บทของตำราพิชัยสงครามซุนวู บทอื่นๆ เป็นบทที่ขยายความออกไปจากบทที่ 1 ซุนวูให้ความสำคัญของเป้าหมายการเล่นเป็นอันดับแรก คุณต้องวิเคราะห์และเปรียบเทียบเพื่อหาข้อดีข้อเสียจากสถานการณ์ไพ่  เพื่อวางแผนการเล่นให้ บรรลุเป้าหมาย โดยยึดสภาพความจริงเป็นหลักการประเมิน การเล่นโดย ไร้เป้าหมายจะเกิดความประมาท ไม่ระมัดระวัง  ส่งผลให้คุณถูกน็อกในที่สุด

บทที่ 1 การประเมินสถานการณ์ ซุนวูกล่าวว่า
1. การทำสงครามเป็นเรื่องถึงเป็นถึงตาย เป็นเหตุแห่งการดำรงอยู่และดับสูญจักต้องพิจารณาศึกษาให้ถ่องแท้ในสถานการณ์  
2. มีหลักการพื้นฐานสำคัญ 5 ประการ ด้วยกัน จงศึกษาหลักการเหล่านี้เมื่อทำสงคราม  จะทำให้การประเมินสถานการณ์ได้ถูกต้อง
     1. คุณธรรม คือ ความสามัคคี เป้าหมายร่วมกัน
     2. ลมฟ้าอากาศ คือ ภาวะความเปลี่ยนจากธรรมชาติ
     3. ภูมิประเทศ คือ สภาพพื้นที่ ระยะทาง สถานการณ์
     4. แม่ทัพ คือ สติปัญญาของแม่ทัพ
     5. กฎระเบียบ คือ ความเข้มงวดในการจัดขบวนทัพ หลักการรบ
3. การทำสงครามคือการใช้เล่ห์เพทุบาย  ให้ใช้แผนหลอกล่อข้าศึกให้งงปกปิด เป้าหมายที่แท้จริงของตน  เช่น
    - แม่ทัพเก่ง แสร้งทำเป็นไม่เก่ง
    - รบได้แกล้งไม่พร้อมรบ
    - อยู่ใกล้แสดงไกล อยู่ไกลแสดงใกล้
    - ล่อด้วยประโยชน์
    - จับกุมเมื่อระส่ำ
    - ป้องกัน เมื่อข้าศึกเข้มแข็ง
    - หลบเลี่ยง เมื่อข้าศึกเหนือกว่า
    - ยั่วให้โกรธ
    - ก่อกวนจิตใจ
    - ยุให้แตกสามัคคี
    - โจมตีเมื่อไม่ระวัง
4. เมื่อประเมินสถานการณ์แล้วได้เปรียบ แม่ทัพจะต้องปฏิบัติตามสภาพอันจะก่อให้เกิดผล
5. ความได้เปรียบน้อยเกินไป นำมาซึ่งความพ่ายแพ้
6. ความได้เปรียบเสียเปรียบเป็นสิ่งไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับสติปัญญา ความสามารถ ของแม่ทัพ
7. อาศัยการสังเกตจะบอกได้ล่วงหน้าว่าการรบครั้งนี้จะประสบผลสำเร็จหรือพ่ายแพ้
8. แม่ทัพผู้ชำนาญศึก จึงแสวงหาชัยชนะจากสถานการณ์
9. แม่ทัพใดวางแผนและเตรียมตัวมาดี ย่อมได้เปรียบและมีชัย แม่ทัพใดไม่วางแผนและไม่เตรียมตัวย่อมตกอยู่สถานการณ์ร้าย
10. แม่ทัพควรทำวิธีทางศาสนาก่อนออกรบ  เพราะจะช่วยให้ฮึกเหิม
11. รบแบบแพ้ไม่เป็น
12. ยิ่งแข็งแกร่ง เพราะรบชนะ


บทที่ 2
การทำสงคราม

ในบทนี้ ซุนวูจะเน้นการเล่นให้น็อกเร็ว ไม่ยืดเยื้อ เพราะจะทำให้เสียหน้าไพ่และเสียแต้ม  เนื่องจากขาอื่นอาจเกิดหัวหรือสเปโตได้ทุกเวลา แต่การน็อกเร็วก็มิใช่ทำได้ง่าย  เพราะมีตัวกัน  ซุนวู เสนอวิธีการจัดการกับตัวกันได้อย่างลึกซึ้ง ในบทนี้จึงเน้นบทบาทสำคัญของผู้เล่นที่จะต้องใช้สติปัญญาและเทคนิคการเล่นชั้นสูงจริง ๆ

 บทที่ 2 การทำสงคราม ซุนวูกล่าวว่า
1. การทำสงครามสำคัญที่รวดเร็ว ใช่สำคัญที่ยืดเยื้อ
2. แม่ทัพผู้ชำนาญศึกต้องเอาเสบียงจากข้าศึก
3. เมื่อจับเชลยศึกได้ ให้ดูแลอย่างดีและใช้งานให้เหมาะ
4. ให้กองทัพขนเสบียงเฉพาะที่จำเป็น
5. เสริมเสบียงเข้าด้วยกัน เพื่อเพิ่มความเข้มแข็งของกองทัพ
6. ใช้เสบียงให้เกิดประโยชน์
7. อย่าใช้กองทัพทั้งหมดที่มีในการพิชิตศัตรู
8. ทุนการทำสงครามถ้าไม่พอก็อย่าออกรบเลย
9. ในการรบทุนจะถูกนำมาจ่ายเพื่อสนับสนุนการศึก
10. แม่ทัพผู้ชำนาญศึกย่อมไม่ระดมพลรอบสอง


บทที่ 3
ยุทธศาสตร์การรบ
        ในบทนี้ ซุนวูได้ให้ข้อคิดที่สำคัญ และมีคุณค่ายิ่งต่อการวางแผนยุทธศาสตร์การเล่นดัมมี่  คือ รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง แสดงให้เห็นถึงการอ่านสถานการณ์ไพ่ของตัวเองและผู้อื่นว่าเป็นอย่างไร และเสนอหลักการเล่นให้ได้กิน เช่น ถ้าไพ่ได้เปรียบให้เล่น  แต่ถ้าไพ่เสียเปรียบไม่ควรฝืนเล่น  ควรเลี่ยงหนี

บทที่ 3 ยุทธศาสตร์การรบ ซุนวูกล่าวว่า
1. ชัยชนะจากการทำศึก
2. การทำให้ข้าศึกพ่ายแพ้โดยมิต้องรบ คือ
   - ความยอดเยี่ยมในความยอดเยี่ยม
   - ยอดเยี่ยมรองลงมา คือ การทำให้ข้าศึกแตกแยก 
   - ดีรองลงมา คือ โจมตีกองทัพข้าศึก
   - เลวที่สุด คือ ตีเมืองเมื่อไม่มีทางเลือกสู้รบกันนานแต่เมืองก็มิแตก
3. หลักเกณฑ์การรบ 
    - หากเข้มแข็งกว่าข้าศึก ให้บุกโจมตี
    - หากเข้มแข็งเท่ากับข้าศึกให้ยันไว้
    - หากเข้มแข็งน้อยกว่าให้ถอยหนี หากดันทุรังมีแต่จะพ่ายแพ้
4. วิถีทางล่วงรู้ชัยชนะ 5 ทาง คือ
     -  รู้ว่าควรรบหรือไม่ควรรบ จะชนะ 
     - รู้ว่ากำลังมากกำลังน้อย จะชนะ 
     - แม่ทัพและกองทหารเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน จะชนะ
     - ฝ่ายพร้อมรบบุกฝ่ายไม่พร้อมรบ จะชนะ 
     - แม่ทัพมีความสามารถไม่ถูกรบกวน แทรกแซง จะชนะ
5. รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง
     ไม่รู้เขา  แต่รู้เรา  โอกาสแพ้ชนะเท่ากัน
     ไม่รู้เขา  ไม่รู้เรา  รบร้อยครั้ง  แพ้ร้อยครั้ง   






Ref: http://dummygame.com/sunwu.pptx




xxx

29 พฤศจิกายน 2557

BUS 7017 : Business Strategy Game - Plant Capacity / Upgrades



BUS 7017 : Business Strategy Game : The Business Strategy Game (bsg-online.com)

DECISION ENTRIES : Plant Capacity / Upgrades
TIP: กำลังการผลิตหรือฐานการผลิต ทีมจะชนะต้องทำส่วนนี้


กำลังการผลิตเริ่มต้นมี Resource เท่ากันคือ N.A. Plant มีกำลังการผลิต 2,400 คู่ และ A-P Plant มีกำลังการผลิต 4,800 คู่

ซื้อ/ขาย กำลังการผลิต

Purchase Capacity : ซื้อกำลังการผลิต  กำลังการผลิตสามารถซื้อ/ขาย เปลี่ยนมือกันได้  ดังนั้นจะซื้อได้ต้องมีคนขายออกมา ในทางกลยุทธ์เรียกว่า Mergers and Acquisitions Strategy คือการซื้อกิจการ M/A หรือเรียกง่ายๆว่า เทคโอเวอร์ ในเกมส์สามารถเข้าไปซื้อกิจการของคู่แข่งได้ในกรณีที่บางทีมขอยออกมา จะสามารถซื้อได้ในปีถัดไป

Sales of Existing Capacity : ขายกำลังการผลิต ในเกมส์เปิดโอกาสให้ขายกำลังการผลิตได้ แต่ต้องการในทวีปที่มีกำลังการผลิตอยู่ สามารถเลือกขายบางส่วนหรือขายทั้งหมด เช่นทวีปอเมริกากำลังการผลิต 2,400 คู่ ถ้าตัดขายบางส่วนไป 1,000 คู่ สิ่งที่จะได้มาคือเงินสด ทำให้ Ending Cash เพิ่มขึ้น แต่ข้อเสียคือกำลังการผลิตลดลง ยอดขายตก ปริมาณที่ขายลดลง และกำลังการผลิตขาด Economy of Scale (การประหยัดจากขนาด) ต้นทุนต่อหน่วยสูงขึ้น --โอกาสแพ้มีมาก

อัปเกรดกำลังการผลิต

การอัปเกรดกำลังการผลิตให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น เกมส์เปิดโอกาสให้อัปเกรด 4 ทางเลือก
Option A : ลดของเสียลง 50%
Option B : ลดติดตั้งการผลิตสินค้า 50%
                 TIP: ถ้าต้องการ differentiate โมเดลหรือรูปแบบ เพราะถ้ามีรูปแบบเพิ่มมากขึ้นไลน์การผลิตมากขึ้นต้นทุนสูงขึ้น เพื่อที่ต้องการจะลดต้นทุน ใช้อัปเกรด Option B
Option C : อัพเกรดอุปกรณ์เพิ่มคุณภาพ S/Q Rating 1 ดาว
                  TIP: สร้างความแตกต่างด้านคุณภาพโดยที่ไม่ต้องปรับเปลี่ยนปัจจัยการผลิตใดๆ
Option D : อัพเกรดสิ่งอำนวยความสะดวกเพิ่มประสิทธิภาพของพนักงาน 25% และของเสียอีก 25%

Yxx capital outlay : เงินที่จ่ายไปในแต่ละปีนั้นๆ
Projected annual cost savings at current reject rates : เงินที่จะลดค่าใช้จ่ายให้ปีละกี่เหรียญ

TIP: การอัปเกรดควรทำตั้งแต่ปีแรกๆ เพราะช่วยลดค่าใช้จ่ายในระยะยาวเป็นแบบ Longterm

เงื่อนไขในการอัปเกรดมีดังนี้
1. ในแต่ละปีในแต่ละ Plant ในแต่ละฐานการผลิต สามารถอัปเกรดได้เพียง 1 Option ต่อ 1 ปี เช่น N.A. Plant ถ้าต้องการอัปเกรด Option A สามารถเลือกได้เพียงทางเลือกเดียวเท่านั้นในแต่ละปี


2. เมื่ออัปเกรด Option ใด Option หนึ่งไปแล้ว สามารถอัปเกรดมากที่สุดต่อฐานการผลิตได้สูงสุดคือ 2 Option หมายความว่าฐานการผลิตทวีปใดทวีปหนึ่งสามารถอัปเกรดได้เพียง 2 Option ดังนั้นต้องเลือกให้ดีว่าต้องการอัปเกรด Option ไหน

การสร้างฐานการผลิต

ในเกมส์นี้สามารถโตทำได้ 2 แบบคือ
1. โตแบบซื้อ คือ Purchase Capacity ซื้อไปแล้วไม่สามารถคืนได้ ไม่สามารถขายในปีนั้นๆได้
2. โตแบบสร้าง คือ Build Capacity
TIP: ข้อแตกต่างระหว่างซื้อกับสร้าง ซื้อ Plant จะถูกกว่าสร้าง Plant และให้ทยอยซื้อในแต่ละปี เกมส์ให้สิทธิ์ทีมที่เข้าไปเล่นก่อนหลัง Process เสร็จส่งผลกลับมามีสิทธิ์ซื้อก่อนเป็นทีมแรก

ถ้าต้องการสร้างกด Build Capacity แต่จะสร้างได้เฉพาะที่ยังไม่มีฐานการผลิตอยู่ได้เท่านั้น ขยายการผลิตขั้นต่ำคือ 1,000 maximum 2,000 สำหรับ Plant ที่ยังไม่มีการผลิต ส่วน Plant ที่มีอยู่แล้วสามารถขยายกำลังการผลิตได้ครึ่งหนึ่งของที่มีอยู่ เช่น N.A. Plant กำลังการผลิต(ปกติ) 2,000 คู่ สามารถขยายกำลังการผลิตได้ 1,000 คู่

ก่อนการซื้อหรือสร้าง Plant ต้องพิจารณาว่ามีเงินพอหรือไม่ ถ้า Ending Cash ไม่พอระบบจะทำการกู้ O/D ให้อัตโนมัติซึ่งจะเสียดอกเบี้ยมากกว่าการกู้แบบอื่นๆ ดังนั้นควรดู Ending Cash ก่อนทำการจะซื้อหรือจะสร้าง Plant ถ้าเงินไม่พอแต่ต้องการซื้อหรือสร้าง Plant ให้ทำการกู้เงินโดยพิจารณาอัตราดอกเบี้ยดังนี้


37:06 #4

เมนู อื่นๆ:
Business Strategy Game - Online
Decisions / Reports
Sale Forecast
Branded Production

BUS 7017 : Business Strategy Game - Private-Label Production



BUS 7017 : Business Strategy Game : The Business Strategy Game (bsg-online.com)

DECISION ENTRIES : Private-Label Production
TIP : ต้องพิจารณาคุณภาพ S/Q Rating ที่อุตสาหกรรมยอมรับได้ และตั้งราคาขายต่ำสุด ขายได้ก่อนราคาเป็น Key Factor ที่จะทำให้ขายได้หรือขายไม่ได้



สินค้าในเกมส์มี 2 แบบ คือ Brand และ P-Label
ผลิตแบบ P-Label  หรือ OEM หรือ House Brand คือผลิตและส่งขายให้ห้างติดตราสินค้าชื่อห้าง ภายใต้เงื่อนไขคุณภาพและราคาเป็นหลัก

S/Q Rating of P-Label Pairs Produced : ผลิตให้คุณภาพที่อุตสาหกรรมรับได้ (ไม่เหมือนกับ S/Q Rating ของ Brand) เช่น Global Minimum S/Q Rating ต้องการ 4 ดาว แต่ตอนนี้ N.A. Plant และ A-P Plant ผลิตได้ 3 ดาว ยังส่งไปขายไม่ได้เพราะไม่ตรงกับคุณภาพที่ต้องการตามที่อุตสาหกรรมยอมรับได้


Bid Price : ตั้งราคาขายต่ำสุดขายได้ก่อน ตราบเท่าที่ยังมีความต้องการเหลืออยู่ ตลาด P-Label จะแยกออกจากตลาดสินค้า Brand


Private-Label Demand Forecast : ปริมาณความต้องการในแต่ละทวีป ถ้าส่งเกินก็จะขายไม่ได้


ตัวอย่าง N.A. Market ต้องการสินค้า 800 คู่ และคุณภาพ 4 ดาว มีผู้แข่งในตลาด 3 ทีมคือ A, B และ C

ทีม C ขายได้ก่อน 700 คู่ ทั้งหมดเพราะราคาถูกและคุณภาพตรงตามความต้องการ
ทีม A ขายได้ 100 คู่ เพราะราคาสูงกว่าทีม C ถึงแม้ว่าจะมีคุณภาพเท่ากัน
ทีม B ขายไม่ได้ เพราะคุณภาพไม่ได้ตามความต้องการ ถึงแม้ราคาจะถูกที่สุด
** P-Label จะไม่มีการเก็บสต๊อก เหลือทิ้งทั้งหมด  เป็นต้นทุนจม (Sunk Cost) มีความเสี่ยง

กรณีถ้าทีม B ผลิตได้ 5 ดาว ตั้งราคาขาย $32.00 ขายได้  ทำไปเพื่อ? เพราะตลาดต้องการคุณภาพ 4 ดาว ทำให้ต้นทุนสูงเสียโอกาส คือ Cost เพิ่ม และ Profit ไม่เพิ่ม

ถ้าต้องการทำตลาด P-Label  สิ่งที่ต้องปรับคือ S/Q Rating  ต้องปรับให้ตรงกับ Global Minimum S/Q Rating
 Superior Materials Usage : ปรับเพิ่ม % วัตถุดิบชั้นดี
 Enhanced Styling / Features : ปรับลงทุนเพิ่มเทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิต


สิ่งที่ใช้ร่วมกันระหว่าง Brand และ P-Label คือกำลังการผลิต กำลังการผลิตที่เหลือจากผลิต Brand จะมาปรากฎที่ P-Label ทั้ง Regular และ Overtime


ถ้าไม่ต้องการให้กำลังการผลิตมาใช้ที่ P-Label ทำได้โดยเพิ่มกำลังการผลิต Brand ทั้งหมด


มีกำลังการผลิตเหลืออยู่ สิ่งที่เกิดขึ้นคือต้นทุนคงที่(Fixed Cost) เกิดขึ้น แนะนำให้นำกำลังการผลิตที่เหลืออยู่มาให้ประโยชน์ด้วย เช่น ทวีปเอเซียมีกำลังการผลิตเหลือ Regular เท่ากับ 867 และ Overtime เท่ากับ 800 Average Production Cost เท่ากับ $19.62 ต่อคู่ ตลาด A-P Market มีความต้องการ 2,400 คู่
เพื่อใช้ประโยชน์จากกำลังการผลิตที่เหลืออยู่ตั้งราคาขายเท่ากับต้นทุน ทำให้ Fixed Cost ลดลง และช่วยกันตลาดไม่ให้คู่แข่งเข้ามาเล่นในตลาด P-Label ได้

TIP: ถ้ามีกำลังการผลิตเหลืออยู่ ให้นำมาใช้ประโยชน์ด้วย

ในกรณีที่ไม่มีคู่แข่งเข้ามาในตลาด P-Label การตั้งราคาขายสามารถตั้งราคาต่ำกว่า Wholesale Price $5

00.00-22:20

เมนู อื่นๆ:
Business Strategy Game - Online
Decisions / Reports
Sale Forecast
Branded Production

BUS 7017 : Business Strategy Game - Celebrity Endorsement



BUS 7017 : Business Strategy Game : The Business Strategy Game (bsg-online.com)

DECISION ENTRIES : Bids for Celebrity Endorsement Contracts
TIP : ใช้ Celebrity เพื่อเพิ่มความต้องการ Demand ในตัวสินค้า แต่ต้นทุนการผลิตจะเพิ่มขึ้น


เกมส์เปิดโอกาสให้กับทุกกลุ่มให้สามารถที่จะประมูลดาราช่วยโปรโมทขายสินค้า ถ้าย้อนกลับไปดูในหน้า Sales Forecast จะมี Factors คือ Celebrity Appeal ถ้าประมูลได้ระบบจะใส่ตัวเลขให้อัตโนมัติ ถ้าไม่มีอย่าไปใส่ เพราะการใส่เพิ่มขึ้นมานั้นทำให้ Forecast ผิดผลาดไปได้ผลเสียมากกว่าผลดี ดังนั้นในส่วนนี้ไม่ต้องใส่ตัวเลขใดๆทั้งสิ้น ตัวเลขนี้ได้มาจากการประมูลดาราจากในหน้า Bids for Celebrity Endorsement Contracts


Offer :ประมูล ในส่วนของ Celebrity Endorsement นั้น ให้ทีมยื่นซองประมูล ทีมใดให้ราคาสูงที่สุดก็จะได้ดารานั้นไป ตาม Contract ที่กำหนด ราคาที่จะประมูลใส่ในช่อง Offer ขั้นต่ำคือ $500 สูงสุดคือ $50,000

สมมติว่าทีม D ไม่ประมูลดารา มีเพราะทีม A, B และ C ทำการประมูลดารา Payton Manyon โดยทีม A ให้ราคา $5,000 ทีม B ให้ราคา $2,000 และทีม C ให้ราคา $5,001 ดังนั้นทีม C ให้ราคา Best Offer เสนอสูงที่สุดจะได้ดารา Payton Manyon ไปช่วยโปรโมทสินค้าในปีหน้าตาม Contract Length ระบบก็จะทำการคำนวณต้นทุนต่อคู่ที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า จากตัวอย่าง Costs Per Branded Pair Sold ต้นทุนต่อคู่เพิ่มขึ้น เท่ากับ $0.10 ต่อคู่

ทีม A และ ทีม B ที่ไม่ได้ก็ไม่มีผลกระทบใดๆเรียกว่าไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย ค่าใช้จ่ายในการประมูลในครั้งนี้จะไม่เกิดขึ้น

การ Offer ราคาเพื่อประมูลดาราต้องพิจารณา ต้นทุนต่อคู่ที่จะเกิดขึ้นด้วย และกลับไปพิจารณาในหน้า Wholesale Marketing ว่าในแต่ละทวีปได้กำไรต่อคู่เท่าไร ถ้าหากประมูลดาราแล้วทำให้ต้นทุนต่อคู่สูงกว่ากำไรที่ได้จะทำให้ในปีหน้าขาดทุนแน่ๆ  แนะนำอย่าใส่เกิน $10,000 และใช้เครื่องมือการตลาดตัวอื่นเพราะทุกตัวน้ำหนักเท่ากัน

ในปีแรกจะสามารถประมูลดาราได้ 3 คนคือ Payton Manyon , Oprah Beyonsé และ Cristiano Romano โดยระบบประมูลจะเปิดปีละ 3 คน คะแนนความนิยม (Celebrity Appeal) ของแต่ละคนจะไม่เท่ากันในแต่ละทวีป ถ้าต้องการเพิ่ม Demand ทวีปไหนก็ให้เลือก Celeb ที่ได้รับความนิยมในทวีปนั้นสูงๆ ถ้าทีม Bid ได้มาระบบก็จะนำค่าความนิยมไปใส่ในหน้า Sales Forecast ในส่วน Factors คือ Celebrity Appeal


ถ้า Bid ได้ดารามาสองคน ก็จะนำค่าความนิยมมาแต่ละทวีปมารวมกันแล้วระบบก็จะนำค่าความนิยมไปใส่ในหน้า Sales Forecast ในส่วน Factors คือ Celebrity Appeal เช่น ทีมได้ Cristiano Romano กับ Payton Manyon คะแนนที่ได้ใน Celebrity Appeal ทวีป NA=85+70, EA=45+100, AP=35+70 และ LA=40+55
ค่า Maximum ของ Celebrity Appeal คือ 500 ถ้าได้มากกว่านี้เป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้น

Contract Length : สัญญาที่เซ็นต์ เช่น  Payton Manyon สัญญา 2 ปี  เมื่อครบกำหนด ถ้าต้องการใช้ Celeb ก็ต้องมาประมูลใหม่

Cancel Contract : บอกเลิกสัญญา ระหว่างสัญญาระบบให้สามารถยกเลิกหรือบอกเลิกสัญญาได้ก็จะจบในปีนั้นๆเลย แต่มีต้นทุนในการยกเลิกสัญญา

Priority Ranking : เลือกอันดับของ Celeb เพื่อจำกัดต้นทุนที่เกิดขึ้น กรณีที่ Bid ได้หลายคน



สรุป
1. ต้องพิจารณาคะแนนความนิยม (Celebrity Appeal)
2. สัญญาที่เซ็นต์ (Contract Length)
3. ต้นทุนต่อหน่วยที่จะเพิ่มขึ้น (Costs Per Branded Pair Sold)

เมนู อื่นๆ:
Business Strategy Game - Online
Decisions / Reports
Sale Forecast
Branded Production

28 พฤศจิกายน 2557

BUS 7017 : Business Strategy Game - Wholesale Marketing



BUS 7017 : Business Strategy Game : The Business Strategy Game (bsg-online.com)

DECISION ENTRIES : Wholesale Marketing of Branded Footwear
พิจารณา Operating Profit (Loss) เป็นหลัก ทำอย่างไรให้ขายได้มากๆ ขาดทุนน้อยสุด


พิจารณา Operating Profit (Loss) ทวีปไหนทำกำไรมากสุด ทวีปไหนขายต่อคู่ได้กำไรมากสุด จะส่งผลต่อ Performance ของบริษัท เช่น การเพิ่มจำนวนสาขาให้มากขึ้น(Retail Outlets) แต่ระบบจะเป็นผู้กำหนดค่าจำนวนสาขามาให้ปีต่อปี ไม่สามารถใส่ค่าเพิ่มขึ้นกว่าที่ระบบกำหนดได้ แต่สามารถใส่ค่าจำนวนสาขาลดลงได้ จำนวนสาขาที่ระบบกำหนดมาใช้มาจาก 2 ปัจจัยคือ การกำไรจากยอดขาย และ  เพิ่มงบ Retailer Support จะเป็นตัวที่ทำให้จำนวนสาขาเพิ่มมากขึ้นในปีถัดไป

ในปีที่ 2 และปีที่ 3 จะมีบางทวีปขายขาดทุน เพราะระบบเกมส์กำหนดความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ทำให้มีผลต่อรายได้และกำไรทีี่เกิดขึ้น ดังนั้นถ้าเกิดอัตราแลกเปลี่ยน Swing มาก ขายขาดทุนเราจะไม่ขายในทวีปนั้นด้วยการใส่ค่าศูนย์ ใน Wholesale Price to Retailers ทำให้เราไม่ส่งสินค้าไปขายในทวีปนั้น
แต่ปัญหาคือความต้องการยังคงเดิม แต่เราถอยออกมาทำให้จำนวนคู่แข่งลดลงเพราะทุกทีมก็ได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนเช่นกัน

วิธีแก้คือ
1. ต้องไปลงทุนสร้างโรงงานในทวีปนั้นๆ เพราะจะไม่มีผลกระทบกับอัตราแลกเปลี่ยน
2. เพิ่มราคาขาย ลดจำนวนการส่งสินค้าลง และสต๊อกลงเหลือไว้ส่วนหนึ่ง แต่ระวัง Inventory Cost


ตัวอย่าง: ไม่ส่งไปขายในทวีปยุโรปให้กำหนด Wholesale Price to Retailers เป็นศูนย์

สรุป
1. ดู Operating Profit (Loss) ว่าขายแล้วมีความสามารถในการทำกำไรมากน้อยเพียงใด
2. ในปีที่ 2 และปีที่ 3 จะมีบางทวีปขายขาดทุน เพราะความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน
3.  วิธีแก้คือต้องไปลงทุนสร้างโรงงานในทวีปนั้นๆ เพราะจะไม่มีผลกระทบกับอัตราแลกเปลี่ยน
4. ถ้าทีมอื่นๆถอนตัวออกจากตลาดในทวีปที่มีปัญหาอัตราแลกเปลี่ยนให้เพิ่มราคาขายเพราะความต้องการยังมีอยู่


เมนู อื่นๆ:
Business Strategy Game - Online
Decisions / Reports
Sale Forecast
Branded Production


27 พฤศจิกายน 2557

BUS 7017 : Business Strategy Game - Internet Marketing



BUS 7017 : Business Strategy Game : The Business Strategy Game (bsg-online.com)

DECISION ENTRIES : Internet Marketing of Branded Footwear
พิจารณา Operating Profit (Loss) เป็นหลัก ทำอย่างไรให้ขายได้มากๆ ขาดทุนน้อยสุด


ถ้าต้องการขายผ่านอินเตอร์เน็ตให้ได้มากขึ้น วิธีการ Boost คือ

Online Price : ราคาขาย เช่น ลดราคาจาก $75 เหลือ $70 ยอดขายมากขึ้น

Models Offeredจำนวนโมเดล เช่น เพิ่มจำนวนโมเดล จาก (maximum of 200) วิธีการทำคือ
1. เข้าหน้า Branded Production เปลี่ยนค่า Number of Models ของ N.A. Plant และ A-P Plant จาก 200 รูปแบบ เป็น 350 รูปแบบ

2. เข้าหน้า Branded Distribution รูปแบบที่ปรากฎ Archive ของ N.A. Plant และ A-P Plant จะเป็น 346 รูปแบบ แต่ Forecast ยังไม่แมทช์กับ Archive ต้องเข้าไปปรับค่าใน Sale Forecast ให้เป็น 346 รูปแบบ

3. เข้าหน้า Branded Sales Forecast  ในส่วนของ Factors Affecting Wholesale Sales ปรับค่าใน Models Available จาก 200 เป็น 346 รูปแบบ

4. หน้า Internet Marketing of Branded Footwear รูปแบบก็จะเพิ่มขึ้นตามที่ต้องการ

รูปแบบที่ต่ำสุดใน Wholesale Sales แต่เป็นค่า maximum ของ Internet Marketing

ดังนั้นถ้าต้องการปรับรูปแบบเพื่อเพิ่มยอดขายในอินเตอร์เน็ตต้องปรับรูปแบบที่ Wholesale Sales ก่อนจึงค่อยมาปรับที่  Internet Marketing

Operating Profit (Loss) : ขายในแต่ละทวีป กำไรในแต่ละทวีปมากน้อยต่างกัน

แต่ถ้าบางปีเกิดความผันผวนจากอัตราแลกเปลี่ยนขายแล้วขาดทุน ยิ่งขายมากขาดทุนมาก สู้ไม่ขายในทวีปนั้นจะดีกว่า ถ้าติดขาดทุนระบบเกมส์มีทางเลือกให้เราสามารถเลืิอกออปชัน Block all internet orders from customers in this region คือไม่ส่งไปขายในทวีปที่เลือกออปชันนี้

ถ้าไม่ส่งไปขายในทวีปนั้นเลย ความต้องการของตลาดยังมีเท่าเดิม แต่คู่แข่งน้อยลง เป็นการเปิดโอกาสให้คู่แข่งขายได้มากขึ้น เราก็จะเสียโอกาสในการแข่งขัน

สรุป
1. ดูกำไร(ขาดทุน) จากการดำเนินงาน หรือ Operating Profit (Loss) ที่เกิดขึ้น จะกระทบภาษีและดอกเบี้ย
2. การขายผ่านอินเตอร์เน็ตให้ได้มากขึ้น โดยการเพิ่ม Models Offered จะส่งผลให้ต้นทุนต่อคู่เพิ่มขึ้น ก่อนใช้วิธีนี้ต้องพิจารณาให้ดีๆ
3. ในปีที่ 2 และปีที่ 3 จะมีบางทวีปขายขาดทุน เพราะความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน

เมนู อื่นๆ:
Business Strategy Game - Online
Decisions / Reports
Sale Forecast
Branded Production


BUS 7017 : Business Strategy Game - Branded Distribution



BUS 7017 : Business Strategy Game : The Business Strategy Game (bsg-online.com)

DECISION ENTRIES : Branded Distribution
 Tactics!! กระจายสินค้าตาม Demand และ Supply ในแต่ละทวีป จะมีผลต่อต้นทุนค่าใช้จ่าย กำไรสุทธิ 


หลังจากผลิตเสร็จต้องการกระจายสินค้าไปยังในประเทศและในแต่ละทวีป ถ้าไม่กระจายสินค้าก็จะเป็นสต๊อกทำให้เกิดต้นทุนการจัดเก็บ และมีผลต่อกำไรลดลง ดังนั้นหลังจากผลิตเสร็จต้องกระจายสินค้าทันที ในส่วน Branded Distribution มีตัวเลขอยู่ 2 ตัวที่ต้องทราบ ถ้าไม่ทราบจะทำอะไรต่อไม่ได้ ตัวเลข 2 ตัวคือ Demand (ความต้องการของลูกค้า) อยู่ในหน้า Sale Forecast และต้องมี Supply  โดย Supply ต้องแมทช์ Demand เพื่อทำให้ต้นทุนการเก็บรักษาน้อยที่สุด หรือที่เรียกว่าระบบ JIT : Just in time ดังนั้นใน Branded Distribution จะต้องเห็นทั้ง

Demand Footwear Shipments Needed ความต้องการสินค้าในแต่ละทวีป เช่น North America ต้องการ 1,426 คู่  Europe-Africa ต้องการ 1,426 คู่  Asia-Pacific ต้องการ 992 คู่ และ Latin America ต้องการ 992 คู่ ซึ่งเป็น Demand จากหน้า Sale Forecast (สามารถเปลี่ยนแปลงได้)

Supply : Branded Pairs Available for Shipment สินค้าที่ผลิตได้ในแต่ละทวีป เช่น N.A Plant ผลิตได้ 1,677 คู่ และ A-P Plant ผลิตได้ 2,910 คู่ ซึ่งเป็น Supply จากหน้า Branded Production
N.A. Plant ผลิตได้ 1,766 คู่ Reject 5% เท่ากับ 89 คู่ เหลือสินค้าที่ใช้ได้ 1,766-89 = 1,677 คู่
A-P Plant ผลิตได้ 3,133 คู่ Reject 7.1% เท่ากับ 223 คู่ เหลือสินค้าที่ใช้ได้ 3,133-233 = 2,910 คู่

หน้าที่ของเราคือกระจายสินค้าไปในแต่ละทวีป เช่น N.A. Plant ผลิตได้ 1,766 คู่
จะเลือกส่งไปทวีปไหน? 
ส่งในประเทศหรือทวีปตัวเอง เนื่องจากค่าขนส่งถูกสุด ระบบเกมส์จะคิดค่าขนส่ง $1 ต่อคู่ถ้าส่งในประเทศ ถ้าข้ามทวีปจะคิด $2 ต่อคู่ ดังนั้นผลิตที่ไหนส่งในประเทศนั้นก่อนเพื่อลด Freight Forward หรือ Transportation Cost ค่าขนส่งสินค้า 

ต้องส่งกี่คู่? ส่งตามความต้องการของลูกค้าในทวีปอเมริกาต้องการ 1,426 คู่ เพื่อป้องกันของเสียระหว่างขนส่ง ส่ง1,433 คู่ ทำให้ค่า Inventory Surplus/Shortfall at Year-End เป็นศูนย์ ยังเหลือสินค้าอีก 244 คู่ (1677-1433 = 244) จะส่งที่ไหนดี?


ในทวีปเอเซียต้องการ 986 คู่ เพื่อป้องกันของเสียระหว่างขนส่ง ส่ง 992 คู่ ทำให้ค่า Inventory Surplus/Shortfall at Year-End เป็นศูนย์ ยังเหลือสินค้าอีก 1,918 คู่ (2910-992 = 1918) จะส่งที่ไหนดี?  


สินค้าที่เหลือจะส่งที่ทวีปยุโรป หรือทวีปลาตินอเมริกา ? วิธีการหาค่าขนส่งถูกที่สุดโดยการทดลองกรอกข้อตัวเลขที่จะส่งเท่าๆกัน เพื่อเปรียบเทียบต้นทุนต่อหน่วยที่จะเกิดขึ้น
Freight on Footwear Shipments : ค่าขนส่งสินค้า $2.00 ต่อคู่ เท่ากันเพราะส่งต่างทวีป
Tariffs on Pairs Imported : ค่าภาษีนำเข้า ทวีปยุโรป $4.00 ต่อคู่  และ ทวีปลาตินอเมริกา $0.00 ต่อคู่
Inventory Storage : ค่าการเก็บรักษากรณีขายไม่หมด ทวีปยุโรป $0.15 และทวีปลาตินอเมริกา $0.10 ต่อคู่
Other Expenses (leasing fees / boxing / shipping) : ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ทวีปยุโรป $12.20 และทวีปลาตินอเมริกา $11.00 ต่อคู่

สรุปสินค้าที่เหลือในทวีปอเมริกา ส่งไปยังทวีปลาตินอเมริกาทั้งหมด เพราะต้นทุนถูกว่าส่งทวีปยุโรป
Demand > Supply เรียกว่า  Inventory Shortfall ทำให้เสียโอกาสในทำกำไร  วิธีแก้ไข
1. เพิ่ม Supply อีก 257 คู่ เพิ่มที่ Branded Production โดยเพิ่มกำลังการผลิตที่ A-P Plant
2. ลด Demand ลดในหน้า Sales Forecast โดยลดในทวีปยุโรป ไปปรับลดเครื่องมือการตลาด

เลือกเพิ่ม Supply อีก 257 คู่ เพิ่มที่ Branded Production โดยเพิ่มกำลังการผลิตที่ A-P Plant จาก 3,133 เป็น 3,600 คู่


เพิ่มจำนวนส่งในทวีปเอเซียให้เท่ากับความต้องการคือ 1,604 คู่ แต่เกิด Inventory Surplus ทำให้มีโอกาสในการทำกำไร เนื่องจากมีสินค้าคงเหลือในสต๊อกสามารถเอามาขายได้ แต่จะเกิดต้นทุนการจัดเก็บ

จำนวนสต๊อกที่ปลอดภัยคือ +20 หรือ - 20 จะดีที่สุด


ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ทำให้ Forecast ผิดผลาด ต้องปรับให้ตัวเลขเท่ากัน โดยปรับ Forecast ในหน้า Sale Forecast หรือปรับ Achieved ในหน้า Branded Production



สรุป
1. ต้องแมทช์กันระหว่าง Demand และ Supply ตัวเลขเข้าใกล้ศูนย์
2. ตัวเลขต้องแมทช์กันระหว่าง Forecast และ Achieved


เมนู อื่นๆ:
Business Strategy Game - Online
Decisions / Reports
Sale Forecast
Branded Production

อยากรู้เรื่องทฤษฎีการตลาดกับผู้เชี่ยวชาญ ผมแนะนำ M.B.A. (Marketing) Ramkhamkaeng .. แต่ถ้าอยากรู้ว่าเรียนการตลาดแล้วจะประยุกต์ใช้กับธุรกิจประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงินได้อย่างไร คุณต้องมีโค้ชแนะนำ ครับ

วางแผนการเงินกับ #finadvisor #ความมั่งคั่งเริ่มต้นที่นี่ finadvisor.co
โค้ชส่วนตัว ช่วยวางแผน

×
News